
#002
ในจำนวนธาตุอาหารที่พืชจำเป็นต้องใช้เพื่อการเจริญเติบโตออกดอก ออกผล ซึ่งมีอยู่ 16 ธาตุนั้น มี 3 ธาตุ ที่พืชได้มาจากอากาศและน้ำ คือ คาร์บอน ( C) ไฮโดรเจน (H) และออกซิเจน (O) ส่วนอีก 13 ธาตุนั้น พืชต้องดูดดึงขึ้นมาจากดิน ซึ่งธาตุเหล่านี้ได้มาจากการผุพงสลายตัวของส่วนที่เป็นอนินทรียวัตถุและอินทรียวัตถุหรือฮิวมัสในดิน สามารถแบ่งตามปริมาณที่พืชต้องการใช้ได้ เป็น 2 กลุ่ม คือ มหธาตุ และจุลธาตุ
มหธาตุหรือธาตุอาหารที่พืชต้องการใช้ในปริมาณมาก ที่ได้มาจากดินมีอยู่ 6 ธาตุ ได้แก่ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) และกำมะถัน (S) แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม
ธาตุอาหารหลัก หรือ ธาตุปุ๋ย ได้แก่ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) เนื่องจากสามธาตุนี้พืชต้องการใช้ในปริมาณมาก แต่มักจะได้รับจากดินไม่ค่อยเพียงพอกับความต้องการ ต้องช่วยเหลือโดยใส่ปุ๋ยอยู่เสมอ
ธาตุอาหารรอง ได้แก่ แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) และกำมะถัน (S) เป็นกลุ่มที่พืชต้องการใช้ในปริมาณที่น้อยกว่า และไม่ค่อยมีปัญหาขาดแคลนในดินทั่วๆ ไปเหมือนสามธาตุแรก
แคลเซียม เป็นองค์ประกอบที่ช่วยในการแบ่งเซลล์ การผสมเกสร การงอกของเมล็ด พืชขาดธาตุนี้ใบที่เจริญใหม่จะหงิกงอ ตายอดไม่เจริญ อาจมีจุดดำที่เส้นใบ รากสั้น ผลแตก และมีคุณภาพไม่ดี
แมกนีเซียม เป็นองค์ประกอบสำคัญของคลอโรฟิลล์ ช่วยสังเคราะห์กรดอะมิโน วิตามิน ไขมัน และน้ำตาล ทำให้สภาพกรดด่างในเซลล์พอเหมาะและช่วยในการงอกของเมล็ด ถ้าขาดธาตุนี้ใบแก่จะเหลือง ยกเว้นเส้นใบ และใบจะร่วงหล่นเร็ว
กำมะถัน เป็นองค์ประกอบสำคัญของกรดอะมิโน โปรตีน และวิตามิน ถ้าขาดธาตุนี้ทั้งใบบนและใบล่างจะมีสีเหลืองซีด และต้นอ่อนแอ
โบรอน ช่วยในการออกดอกและการผสมเกสร มีบทบาทสำคัญในการติดผลและการเคลื่อนย้ายน้ำตาลมาสู่ผล การเคลื่อนย้ายของฮอร์โมน การใช้ประโยชน์จากไนโตรเจนและการแบ่งเซลล์ ถ้าพืชขาดธาตุนี้ ตายอดจะตายแล้วเริ่มมีตาข้าง แต่ตาข้างก็จะตายอีก ลำต้นไม่ค่อยยืดตัว กิ่งและใบจึงชิดกัน ใบเล็ก หนา โค้งและเปราะ
คลอรีน มีบทบาทบางประการเกี่ยวกับฮอร์โมนในพืช ถ้าขาดธาตุนี้พืชจะเหี่ยวง่าย ใบสีซีด และบางส่วนแห้งตาย
เหล็ก ช่วยในการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสงและหายใจ ถ้าขาดธาตุนี้ใบอ่อนจะมีสีขาวซีดในขณะที่ใบแก่ยังเขียวสด
แมงกานีส ช่วยในการสังเคราะห์แสงและการทำงานของเอนไซม์บางชนิด ถ้าขาดธาตุนี้ใบอ่อนจะมีสีเหลืองในขณะที่เส้นใบยังเขียว ต่อมาใบที่มีอาการดังกล่าวจะเหี่ยวแล้วร่วงหล่น
โมลิบดินัม ช่วยให้พืชใช้ไนโตรเจนให้เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์โปรตีน ถ้าขาดธาตุนี้พืชจะมีอาการคล้ายขาดไนโตรเจน ใบมีลักษณะโค้งคล้ายถ้วย ปรากฏจุดเหลืองๆ ตามแผ่นใบ
สังกะสี ช่วยในการสังเคราะห์ฮอร์โมนออกซิน คลอโรฟิลล์ และแป้ง ถ้าขาดธาตุนี้ใบอ่อนจะมีสีเหลืองซีดและปรากฏสีขาวๆ ประปรายตามแผ่นใบ โดยเส้นใบยังเขียว รากสั้นไม่เจริญตามปกติ
กรดอะมิโน 18 ชนิดที่จำเป็นต่อพืช คือ กลุ่มของสารอินทรีย์ที่พืชสร้างขึ้นเองไม่ได้ และต้องได้รับจากภายนอก เพื่อใช้ในการเจริญเติบโตและพัฒนาส่วนต่างๆ ของพืช กรดอะมิโนเหล่านี้มีความสำคัญต่อกระบวนการทางชีวเคมีต่างๆ ในพืช เช่น การสังเคราะห์โปรตีน การสร้างคลอโรฟิลล์ การทำงานของเอนไซม์ และการตอบสนองต่อสภาพแวดล้อม
ไคโตซาน (Chitosan) คือ สารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่ได้จากการสกัดจากเปลือกของสัตว์ทะเลที่มีกระดองแข็ง เช่น กุ้ง ปู และปลาหมึก นอกจากนี้ยังพบในเปลือกแข็งของแมลง และผนังเซลล์ของเห็ดรา ไคโตซานมีคุณสมบัติพิเศษหลายประการและถูกนำมาใช้ประโยชน์หลากหลายด้าน ทั้งในภาคการเกษตร การแพทย์ และอื่นๆ
คุณสมบัติและประโยชน์ของไคโตซาน:
ในภาคการเกษตร:
ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช: ไคโตซานกระตุ้นการสร้างเอนไซม์ในพืช ส่งเสริมการเจริญเติบโตของราก ลำต้น และใบ ทำให้พืชแข็งแรงและให้ผลผลิตสูงขึ้น
ป้องกันและยับยั้งโรคพืช: ไคโตซานช่วยให้พืชสร้างภูมิคุ้มกันตัวเองและต้านทานต่อเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคพืช
ปรับปรุงสภาพดิน: ไคโตซานช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดิน ทำให้ดินมีความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช
อัตราส่วนวิธีการใช้
20-60 cc ต่อน้ำ 20 ลิตร สำหรับพืชสวนพืชไร่ไม้ยืนต้น
5-10 cc ต่อน้ำ 20 ลิตร สำหรับไม้ดอกไม้ประดับ พืชผัก
ระยะการฉีดพ่น เฉลี่ยจะอยู่ที่ 15-20 วันครั้ง
ในพืชที่ต้องการเร่งการสะสมสารอาหารควรฉีด 7-10 วันครั้ง